โดราเอมอน เดอะมูฟวี่ โลกซิมโฟนี่ของโนบิตะ

โดราเอมอน เดอะมูฟวี่ โลกซิมโฟนี่ของโนบิตะ

โดราเอมอน เดอะมูฟวี่ โลกซิมโฟนี่ของโนบิตะ Doraemon Nobita’s Earth Symphony เป็นภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องยาวฉบับพิเศษ สร้างโดยบริษัทหนังโตโฮ แอนิเมชั่น สตูดิโอ พิคพบร์ส เพื่อจัดฉายในโรงหนังปีละหนึ่งตอนในตอนมีนาคมบ่อยๆทุกปี ในประเทศประเทศญี่ปุ่นเริ่มตั้งแต่ คริสต์ศักราช 1980 (พุทธศักราช 2523) ตอนไดโนเสาร์ของโนบิตะ ดังนี้ใน พุทธศักราช 2548 ยังมีการสังสรรค์ครบรอบ 25 ปีของการฉายโดราเอมอนฉบับภาพยนตร์อีกด้วย

แล้วก็ในมี.ค. พุทธศักราช 2549 ที่ญี่ปุ่นก็ได้มีการฉาย โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ตอนไดโนเสาร์ของโนบิตะฉบับสร้างใหม่ โดยใช้กลุ่มนักบรรยายชุดใหม่ทั้งปวง ซึ่งเป็นชุดที่บรรยายเสียงให้กับ โดราเอมอนฉบับการ์ตูนโทรทัศน์สร้างใหม่ ที่กำลังกระจายเสียงทางโทรทัศน์ของญี่ปุ่นอยู่ขณะนั้น ยิ่งกว่านั้นยังมีการปรับปรุงแก้ไขดัดแปลงผลิตออกเป็นฉบับหนังสือการ์ตูนด้วย ตอนนี้มีการสร้าง โดราเอมอน เดอะ มูฟวี่ มาแล้วทั้งสิ้น 43 ตอน รวมภาคพิเศษอีก 2 ตอน และก็มีการนำตอนเก่ามาสร้างใหม่ตั้งแต่ พุทธศักราช 2549 เป็นต้นมา

โดราเอมอน เดอะมูฟวี่ โลกซิมโฟนี่ของโนบิตะ

โดราเอมอน เดอะมูฟวี่ โลกซิมโฟนี่ของโนบิตะ

Doraemon the Movie : Nobita’s Earth Symphony หรือชื่อไทยว่า โดราเอมอน เดอะ มูฟวี่ ตอน โลกที่ซิมโฟนี่ของโนบิตะ ช่วงเวลาที่โนบิตะกำลังฝึกหัดรีคอร์ดเดอร์ที่ไม่ถนัดเพื่องานดนตรีของสถานที่เรียนก็มีเด็กหญิงปัญหาชื่อว่า ไม่กกะ แสดงตัวขึ้นมา คุณชอบใจเสียงตัว “โน” ที่แสนจะเนือยที่โนบิตะเป่าออกมาคุณก็เลยชวนพวกโดราเอมอนให้ไปที่ “วิหารฟาร์เร่(ดนตรี)”

ซึ่งถูกทำที่ดาวนพเคราะห์ ที่ใช้ดนตรีเป็นพลังงาน ไม่กกะมาตามหา “เวอร์ทูโอโซ” นักดนตรีอัจฉริยะที่จะมาเล่นดนตรีร่วมกันเพื่อกู้วิหารที่นี้นั่นเอง! พวกโดราเอมอนใช้ของดีเลิศชื่อว่า “ใบดำรงชีพนักเล่นดนตรี” เลือกอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรี แล้วก็เล่นเพลงเพลงร่วมกันกับไม่กกะ ทำให้วิหารฟื้นฟูขึ้นมาครั้งละนิด แต่มีสิ่งมีชีวิตน่าสยองซึ่งสามารถลบดนตรีให้หายไปจากโลกบุกเข้ามา ทำให้โลกตกอยู่ในวิกฤต…!! พวกโดราเอมอนจะปกป้องรักษา “อนาคตของเสียงดเว้นนตรี” รวมทั้งโลกไว้ได้ไหม!?

โดราเอมอน เดอะมูฟวี่ โลกซิมโฟนี่ของโนบิตะ (Doraemon the Movie: Nobita’s Symphony World Adventure) ยอดเยี่ยมในภาคที่น่าดึงดูดแล้วก็เป็นที่คาดหมายในซีรีส์ “โดราเอม่อน เดอะมูฟวี่” ซึ่งเป็นการเสี่ยงอันตรายในโลกที่เกี่ยวพันกับเพลง

เรื่องราวย่อ: เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อโนบิตะแล้วก็เพื่อนฝูงๆได้ศึกษาและทำการค้นพบทางลับที่พาพวกเขาไปสู่โลกที่เสียงเพลงที่เรียกว่า “โลกซิมโฟนี” ซึ่งเป็นโลกที่มีทั้งยังสิ่งมีชีวิตและก็สิ่งแวดล้อมที่ถูกทำขึ้นจากเพลงรวมทั้งการเล่นดนตรี ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นในโลกนี้มีความเชื่อมโยงกับโน้ต ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ สภาพแวดล้อม และก็ยังรวมทั้งพลังชีวิต

ในโลกซิมโฟนีนี้ โนบิตะและก็เพื่อนฝูงๆได้เจอกับผู้แสดงใหม่ที่มีความรู้ความเข้าใจด้านดนตรีอันพิเศษ แต่ว่าไม่นานนักพวกเขาก็พบว่ามีภัยรุกรามจากกองทัพมืดที่เพียรพยายามจะครอบครองโลกด้วยการควบคุมเสียงเพลง พวกเขาจำต้องร่วมมือกันเพื่อช่วยป้องกันโลกนี้ด้วยเสียงเพลงจากอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรียอดเยี่ยมของโดราเอม่อน แล้วก็นำพาความสมดุลกลับมาสู่โลกซิมโฟนี

ข้อดีของภาพยนตร์: ธีมดนตรีที่แปลกใหม่

ภาคนี้มีข้อดีที่ไม่ราวกับภาคอื่นๆโดยการเล่าเรื่องผ่านการเสี่ยงอันตรายในโลกดนตรี ทำให้มีความสดใหม่รวมทั้งประหลาดตา โดยยิ่งไปกว่านั้นการออกแบบโลกซิมโฟนีที่ใช้ดนตรีเป็นส่วนประกอบหลักสำหรับในการเดินเรื่องและก็สร้างบรรยากาศ

การสอดแทรกส่วนประกอบด้านดนตรี: ภาพยนตร์ประเด็นนี้ได้แทรกสอดดนตรีคลาสสิกแล้วก็การเล่นดนตรีจำพวกต่างๆเข้าไปในฉาก ซึ่งทำให้ผู้ชมรู้สึกตื่นเต้นและก็สัมผัสกับเพลงที่สวย รวมทั้งการนำเสนออุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีรวมทั้งเสียงที่นานัปการ

แง่คิดเกี่ยวกับการทำงานด้วยกัน: เรื่องราวของภาคนี้เน้นย้ำถึงจุดสำคัญของการทำงานด้วยกัน โดยการใช้เสียงเพลงเป็นเครื่องหมายของความร่วมแรงร่วมมือ ความปรองดอง แล้วก็การปฏิสังขรณ์สิ่งที่เสียหายไป เป็นแง่คิดที่ลึกซึ้งรวมทั้งติดต่อสื่อสารได้ดิบได้ดีผ่านนักแสดงแล้วก็การเสี่ยงภัย

แอนิเมชันแล้วก็การออกแบบ: การออกแบบในภาคนี้สะดุดตาด้วยสีสันและก็การผลิตโลกที่มีความเกี่ยวเนื่องกับเพลง การแสดงผลของอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรี แล้วก็เสียงประกอบนั้นสวยสดงดงามและก็สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชม ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้ภาคนี้น่าตื่นตาตื่นใจและก็น่าดูเยอะขึ้น aleramos

ข้อคิดเตือนใจที่ได้จากภาพยนตร์: พลังของเสียงดเว้นนตรี: ภาพยนตร์สื่อถึงพลังของดนตรีที่ไม่เพียงแค่ให้ความบันเทิง แต่ว่ายังมีผลต่ออารมณ์รวมทั้งสิ่งแวดล้อม สามารถสร้างความสมดุลและก็ความสงบสุขได้

ความพร้อมใจและก็มิตรภาพ: การทำงานด้วยกันของโนบิตะรวมทั้งสหายๆสำหรับเพื่อการช่วยเหลือโลกซิมโฟนีสะท้อนถึงคุณประโยชน์ของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวและก็จุดสำคัญของมิตรภาพ

การเอาชนะปัญหา: เหมือนกันกับภาพยนตร์เรื่องอื่นๆของโดราเอม่อน ภาคนี้ยังย้ำถึงความกล้าหาญชาญชัยสำหรับเพื่อการพบเจอกับความท้าแล้วก็ปัญหา

สรุป: โดราเอมอน เดอะมูฟวี่ โลกซิมโฟนี่ของโนบิตะ เป็นภาพยนตร์ที่ประดิษฐ์และก็แปลกใหม่ ด้วยการประสมประสานระหว่างดนตรีและก็การเสี่ยงภัยที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งไม่เฉพาะแต่เป็นการ์ตูนสำหรับเด็ก แม้กระนั้นยังเป็นภาพยนตร์ที่ให้แรงจูงใจและก็ความสบายแก่ผู้ชมทุกวัย

โดราเอม่อน เดอะมูฟวี่: โลกซิมโฟนีของโนบิตะ นอกเหนือจากการพรีเซนเทชั่นความแปลกใหม่ในทางของธีมดนตรีแล้ว ยังสามารถสร้างความซาบซึ้งให้กับแฟนคลับของซีรีส์นี้ได้อย่างยอดเยี่ยมจากการเสี่ยงอันตรายที่เชื่อมโยงกับเสียงดนตรีรวมทั้งเพลงอันเพราะที่ใช้ประกอบภาพยนตร์ โดยมีการเสนอรายละเอียดและก็ข้อคิดเตือนใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับพลังของเสียงดเว้นนตรีแล้วก็ความพร้อมใจของคนเราในกลุ่ม

จุดที่ทำให้ภาคนี้สะดุดตา: การใช้ดนตรีเพื่อสร้างบรรยากาศแล้วก็เรื่องราว

โดราเอมอน เดอะมูฟวี่ โลกซิมโฟนี่ของโนบิตะ

ภาพยนตร์นี้ไม่เพียงแค่ใช้ดนตรีเป็นเพียงแต่เบื้องหลังเพียงแค่นั้น แม้กระนั้นยังคงใช้ดนตรีเป็นหัวใจหลักของเรื่องราวแล้วก็การเดินเรื่อง อีกทั้งการต่อสู้ การปฏิสังขรณ์ หรือการติดต่อสื่อสารระหว่างนักแสดง ในหลายตอนของเรื่อง ดนตรีเปลี่ยนเป็นอาวุธสำคัญสำหรับเพื่อการเอาชนะศัตรูแล้วก็กู้คืนสมดุลของโลกซิมโฟนี

การออกแบบนักแสดงใหม่ที่น่าจำ: ผู้แสดงที่อาศัยอยู่ในโลกซิมโฟนีแต่ละตัวมีเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล อีกทั้งในเรื่องของเค้าหน้า ท่าทาง และก็ความรู้ความเข้าใจทางดนตรี ส่งผลให้เกิดความมากมายหลากหลายรวมทั้งน่าดึงดูด นักแสดงกลุ่มนี้มีหน้าที่สำคัญสำหรับเพื่อการช่วยเหลือโนบิตะและก็สหายๆสำหรับในการต่อสู้กับภัยร้าย

ฉากการต่อสู้ที่ใช้เพลงเป็นอาวุธ

การนำเสนอการต่อสู้ในภาคนี้มีความคิดสร้างสรรค์แล้วก็ไม่เหมือนกับภาคอื่นๆเนื่องด้วยผู้แสดงสามารถใช้เสียงเพลงและก็อุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีสำหรับเพื่อการต่อสู้กับศัตรู ซึ่งสร้างความเพลิดเพลินและก็น่าระทึกใจให้กับผู้ชม

การพัฒนาแล้วก็เติบโตของโนบิตะ: ในหลายๆภาคของเดอะมูฟวี่ พวกเราจะมองเห็นการพัฒนาผู้แสดงโนบิตะ รวมทั้งในภาคนี้ โนบิตะได้แสดงความเป็นหัวหน้าแล้วก็ความเอาจริงเอาจังเยอะขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่เพียงแค่พึ่งโดราเอม่อนและก็ของดีเลิศ แม้กระนั้นยังอุตสาหะใช้ความรู้ของตนเองเพื่อช่วยเหลือเพื่อนฝูงๆและก็โลกซิมโฟนี ทำให้มองเห็นถึงการเจริญเติบโตทางอารมณ์แล้วก็ความรับผิดชอบของเขา

จุดสำคัญของการเล่าเรื่องผ่านดนตรี: หนึ่งในจุดเด่นที่น่าประทับใจของภาพยนตร์ประเด็นนี้ได้แก่การใช้ดนตรีเป็นสิ่งที่ใช้ในการเล่ารวมทั้งสร้างความซาบซึ้งแก่ผู้ชม ไม่ว่าจะเป็นฉากที่ใช้เพลงเพื่อปลอบให้สุขสงบ หรือฉากที่ผู้แสดงจำต้องใช้ดนตรีเพื่อรวมพลังกันต่อสู้กับศัตรู ดนตรีในภาคนี้ปฏิบัติภารกิจมากยิ่งกว่าการเป็นเพียงแต่เพลงประกอบ เพราะเหตุว่ามันช่วยผูกมิตรระหว่างผู้แสดงและก็โลกที่พวกเขาอาศัยอยู่

ฉากปลื้มปิติรวมทั้งข้อคิดเตือนใจที่ได้จากเรื่อง : อย่างกับทุกภาคของ โดราเอม่อน เดอะมูฟวี่ ภาคนี้มีฉากที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกประทับใจในความเกี่ยวข้องของผู้แสดง ไม่ว่าจะเป็นความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของโดราเอม่อนที่ทำทุกๆสิ่งทุกๆอย่างเพื่อช่วยเหลือโนบิตะ หรือการที่โนบิตะแสดงความรักและก็ความสนใจต่อเพื่อนฝูงและก็โลกซิมโฟนี การรวมตัวของพวกเขาสำหรับเพื่อการต่อสู้แล้วก็การบูรณะโลกสื่อถึงจุดสำคัญของความปรองดองรวมทั้งการช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน

สรุปรู้สึกต่อภาพยนตร์:

โดราเอมอน เดอะมูฟวี่ โลกซิมโฟนี่ของโนบิตะ

โดราเอมอน เดอะมูฟวี่ โลกซิมโฟนี่ของโนบิตะ เป็นอีกหนึ่งภาคที่มีความคิดประดิษฐ์และก็น่าระทึกใจ การใช้ดนตรีเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของการเล่าเรื่องทำให้ภาพยนตร์มีความพิเศษรวมทั้งน่าจำ การออกแบบผู้แสดงแล้วก็ฉากในโลกซิมโฟนีนั้นสวยสดงดงามแล้วก็มีเนื้อหา การพัฒนารวมทั้งการเจริญเติบโตของนักแสดงโดยเฉพาะอย่างยิ่งโนบิตะก็ทำให้ผู้ชมรู้สึกผูกพันและก็ติดตามได้อย่างเพลิน

ภาคนี้เหมาะสมกับแฟนคลับของโดราเอม่อนที่ชอบพอการเสี่ยงภัยที่แอบแฝงไปด้วยความลึกล้ำแล้วก็บทเรียนเกี่ยวกับมิตรภาพ ความกลมเกลียว และก็การใช้ดนตรีเป็นพลังสำหรับในการกู้โลก

ผู้แสดงบรรยายเสียงของโดราเอมอน: โนบิตะเอิร์ธซิมโฟนี (2024) มีดาราประจำสำหรับผู้แสดงหลัก รวมทั้งดาราบรรยายเสียงใหม่สำหรับหน้าที่พิเศษ:

  • วาซาบิ มิซึตะ รับบทโดราเอมอน
  • เมงุมิ โอฮาระ รับบทโนบิตะ โนบิ
  • ยูมิ คากาซึ รับบทชิซูกะ มินาโมโตะ
  • ซูบารุ คิมูระ รับบททาเคชิ “ไจแอน” โกดะ
  • โทโมคาซึ เซกิ รับบทซูเนโอะ โฮเนกาวะ

นอกจากดาราหลักแล้ว ภาพยนตร์หัวข้อนี้ยังได้แนะนำตัวละครใหม่ เป็นต้นว่า ไม่กกะ ซึ่งให้เสียงโดยริอานา ฮิราโนะ รวมทั้งติดอยู่เป็ก ซึ่งให้เสียงโดยวัววัวโระ คิปะทุจิ นักแสดงกลุ่มนี้เป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของเรื่องราวเริ่มแรกของภาพยนตร์ที่เกี่ยวโยงกับการเสี่ยงอันตรายทางดนตรีเพื่อช่วยโลก​

Doraemon: Nobita’s Earth Symphony ภาพยนตร์ปี 2024 ดูแลโดย Kazuaki Imai ได้รับการตอบกลับในเชิงบวกโดยธรรมดาสำหรับเพื่อการผสมระหว่างแฟนตาซี การเสี่ยงภัย แล้วก็ส่วนประกอบดนตรี ในฐานะภาพยนตร์เรื่องที่ 43 ของซีรีส์ Doraemon ที่ออกฉายมายาวนาน ภาพยนตร์ประเด็นนี้ได้เสนอแนวความคิดใหม่ๆด้วยการประสมประสานดนตรีกับนิยายวิทยาศาสตร์ ทำให้ภาพยนตร์ประเด็นนี้สะดุดตากว่าภาคก่อนๆ

เรื่องราวย้ำไปที่การต่อสู้ดิ้นรนของโนบิตะกับดนตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียนการใช้งานเครื่องเป่าสำหรับการแสดงดนตรีของสถานศึกษา ต่อจากนั้นเขาแล้วก็เพื่อนพ้องๆจะถูกพาไปเสี่ยงภัยในโลกที่เวทมนตร์คาถาที่ “หอพักดนตรี” ซึ่งพวกเขาจำต้องช่วยฟื้นฟูดนตรีเพื่อช่วยโลกแล้วก็หอพักดนตรีเอง ภาพยนตร์ประเด็นนี้ได้แนะนำตัวละครใหม่ ดังเช่นว่า ไม่กกะรวมทั้งมาเอสโตร เวนโต ซึ่งเพิ่มความลึกให้กับเรื่องราวดนตรี

ถึงแม้ภาพจะผ่องใสและก็เต็มไปด้วยการออกแบบที่มีธีมดนตรีที่ประดิษฐ์ แต่ว่าบทวิเคราะห์บางฉบับทำให้เห็นว่าจังหวะของภาพยนตร์แล้วก็การเน้นที่ฉากดนตรีมากเกินความจำเป็นบางทีอาจมองกินเวลาเหลือเกินในบางครั้ง แม้ว่าจะเป็นแบบนี้ แม้กระนั้นผู้แสดงที่มีเสน่ห์ของภาพยนตร์ประเด็นนี้รวมทั้งธีมที่ประทับใจเกี่ยวกับมิตรภาพและก็พลังของดนตรีก็ยังสะท้อนหัวใจแฟนคลับทุกวัยได้อย่างดีเยี่ยม

แฟนคลับต่างตื่นเต้นที่กำลังจะได้มีความคิดเห็นว่าแฟรนไชส์นี้จะปรับปรุงไปยังไง และก็หลายท่านก็ตั้งตารอคอยที่จะดูภาคถัดไปในปี 2025

โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์นี้เข้าฉายในโรงหนังเมืองไทย

ช่วงแรกเป็น ไดโนเสาร์ของโนบิตะ (Nobita’s Dinosaur) นำเข้ามาฉายโดยไชโยภาพยนตร์ เริ่มรอบรอบแรก 2 โรงร่วมกันเป็น โรงหนังเมโทร รวมทั้งสามย่าน ช่วงวันที่ 21 ส.ค. พุทธศักราช 2525 หรือภายหลังจากญี่ปุ่น 2 ปี ซึ่งทางไชโยภาพยนตร์ใช้ชื่อตอนว่า “โดเรม่อนผจญไดโนเสา” ตามชื่อเรียกโดราเอมอนฉบับหนังสือการ์ตูน ของสถานที่พิมพ์วิบูลย์ธุระในยุคนั้น ภายหลังเข้าฉายราวๆหนึ่งเดือน สามารถทำรายได้ราว 2 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นรายได้ที่ไม่น้อยในยุคนั้น

ถัดมาทางไชโยภาพยนตร์นำในเวลาที่สองของฉบับภาพยนตร์มาฉายเป็น โนบิตะนักเริ่มต้นอวกาศ โดยเข้าฉายภายหลังตอนต้นออกมาจากโรงหนังไปได้เพียงแต่อาทิตย์เดียว ในเวลานี้เข้าฉายในวันที่ 1 ต.ค. พุทธศักราช 2525 โดยตั้งชื่อตอนว่า “โดเรม่อนบุกโลกอวกาศ” มีการเพิ่มโรงขึ้นอีก 2 โรงเป็นโรงหนังศาลาเฉลิมไทย และก็โรงหนังศาลาเฉลิมกรุง แม้ว่าจะเข้าฉายในช่วงปิดภาคการศึกษา และก็มีการเพิ่มโรง แม้กระนั้นรายได้กลับน้อยกว่าที่เดาไว้ เหตุเพราะตอนนั้น ทางช่อง 9 องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย ได้เริ่มถ่ายทอดโดราเอมอนฉบับการ์ตูนโทรทัศน์แล้ว ทำให้ราษฎรไม่สนใจสำหรับในการเข้าชมในโรงหนังมากมายสักเท่าไหร่